ซื้อข้าวสารไปทำบุญทั้งที มีอะไรต้องดูบ้าง?
คุณใช่มั้ย? ที่อยากร่วมทำบุญบริจาคอะไรสักอย่าง.ซื้อข้าวสารดีมั้ย… เพราะยังไงก็ได้ใช้แน่นอน แถมเก็บไว้ได้นานด้วย.แต่…ซื้อข้าวแบบไหนดีหละ? ไม่รู้เลยไม่ต้องห่วง มาทางนี้…เราจะบอกคุณเองว่า ซื้อข้าวสารไปทำบุญทั้งที มีอะไรต้องดูบ้าง?
บริจาคข้าวสารสักที มีอะไรต้องรู้บ้าง?
1# บริจาคข้าวสาร: ขนาดไหนดี?
ถ้าคุณแน่ใจว่าที่ที่คุณเอาไปบริจาคนั้น
1. มีผู้ชายกล้ามใหญ่บึกบึน (หรือผู้หญิงสัก2-3คน) คอยช่วยยกแน่นอน เช่น วัดหรือมูลนิธิใหญ่ๆ
2. ใช้ข้าวปริมาณมาก สามารถใช้ข้าวถุงขนาด 49 กก หมดได้ภายในเวลา 1-1.5 เดือน
ก็แนะนำจัดถุงใหญ่ (49 กก.) ไปเลยจ้า คือมันคุ้มค่าและถูกกว่าเห็นๆ
.
แต่…ถ้าที่ที่จะไปบริจาคเป็นวัดที่อยู่ต่างจังหวัดที่มีแค่พระไม่กี่รูป หรือมูลนิธิที่มีแค่คนแก่ ผู้หญิง และเด็ก
อันนี้ขอแนะนำเอาขนาดเล็ก (15, 5 กก.) ไปดีกว่าเพราะ
1. สะดวกกับการขนย้ายกว่ามากๆ ถุงขนาดเล็กนี้ ผู้หญิงตัวเล็กหรือเด็กก็สามารถยกเองได้สบาย แค่อาจจะต้องยกกันหลายรอบหน่อย
2. ดูแลรักษาง่าย เพราะแบ่งบรรจุมาในปริมาณที่ใช้หมดในเวลาไม่นาน โอกาสที่ มอด มด ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกแปลกปลอมจะลงไปในถุงก็น้อยไปด้วย ผลคือข้าวจะสะอาดสดใหม่ทุกครั้งที่เปิดถุงใช้
3. หากวัดหรือมูลนิธิต้องการแบ่งปันข้าวสารไปให้กับที่ที่ขาดแคลนมากกว่า ก็สามารถยกไปได้ง่ายๆ สะดวกกว่าการต้องมาตักแบ่งจากถุงใหญ่อีกที
2# บริจาคข้าวสาร: ข้าวใหม่หรือข้าวเก่า?
ส่วนมากคนจะนิยมซื้อเป็น “ข้าวเก่า” ไปบริจาคมากที่สุด
เพราะวัดและมูลนิธินั้นมักจะหุงทีเป็นหม้อใหญ่เพื่อจะเลี้ยงคนเยอะๆ
การใช้ “ข้าวเก่า” จะหุงง่ายกว่า ข้าวใหม่หรือข้าวกลางปี โดยสามารถใส่น้ำได้ปริมาณตามต้องการ ไม่ต้องกลัวแฉะ
หุงออกมาแล้วจะมีความขึ้นหม้อ ได้ปริมาณเยอะ และข้าวไม่ติดก้นหม้ออีกด้วย
3# บริจาคข้าวสาร: ชนิดไหนดี?
ข้าวที่นิยมนำไปบริจาคก็มีทั้ง ข้าวหอมมะลิ และ ข้าวขาว
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์และสถานที่รับบริจาค
เช่น บริจาคให้วัด สถานปฎิบัติธรรม คนกินคือพระ ผู้มาปฎิบัติธรรม และญาติโยม อาจจะบริจาคเป็นข้าวหอมมะลิ ที่หุงแล้วนุ่มนวล กินอร่อย เพื่อให้เค้าอิ่มกายอิ่มใจ มีแรงไปสวดมนต์ ไหว้พระ ทำอะไรดีๆต่อไป
หรือถ้าบริจาคให้มูลนิธิช่วยเหลือสัตว์ ให้สุนัข แมว สัตว์จรจัดต่างๆกิน อาจจะบริจาคเป็นข้าวขาว ที่มีหุงขึ้นหม้อได้ปริมาณเหมือนกัน แต่ราคาย่อมเยากว่า
4# บริจาคข้าวสาร: ทำบุญที่ไหนดี?
1.วัด และศาสนสถานอื่นๆ
ทำไม?
-ในวัดจะมีพนง.หรือแผนกที่ดูแลเรื่องการทำบุญโดยเฉพาะ เพียงแค่ติดต่อเข้าไปเค้าก็สามารถบอกคุณได้ว่าควรบริจาคสิ่งไหน เมื่อไหร่ ไปถึงแล้วติดต่อใคร ถือว่าสะดวกและง่ายมาก
-มีวัดกระจายอยู่ทั่วทุกที่ ชุมชน แน่นอนว่าวัดป่า วัดที่อยู่ไกลและขาดแคลนก็ยังมีอีกมากมาย
-ตามต่างจังหวัด วัดคือศูนย์กลางของชุมชน อาจจะมีสถานที่อื่น เช่น สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า สถานสงเคราะห์ ที่ขาดแคลนมากกว่าแล้วไม่ค่อยมีคนรู้ วัดอาจแบ่งปันข้าวสารหรือสิ่งของที่มีอยู่ให้ต่อได้
-นอกจากเลี้ยงพระ เณร ญาติโยมที่มาทำบุญ และลูกศิษย์ลูกหาแล้ว วัดยังเป็นที่พึ่งให้กับคนยากไร้ ที่ไม่มีเงินมากพอจะซื้อหาอาหารประทังชีวิต
-บางวัดนอกจากเป็นสถานที่ทางศาสนาแล้ว ก็ยังเป็นมูลนิธิอีกด้วย ดูแลทั้งเด็กและคนชรา ก็เหมือนบริจาคทีเดียวได้ช่วยถึง2 แห่งเลย
2.มูลนิธิ
ส่วนใหญ่คนที่เลือกบริจาคกับมูลนิธิจะเน้นเรื่องการช่วยเหลือสังคม ผู้ยากไร้ เด็ก และสัตว์ มากกว่า
ทำไม?
-มีความใกล้ชิดกับผู้ที่เดือดร้อนมากกว่าที่อื่น หากคนเหล่านั้นต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน มูลนิธิสามารถเข้าไปช่วยเหลือได้โดยตรงและทันท่วงที
-ตรวจสอบการทำงานเบื้องต้นของมูลนิธิได้ด้วยตนเอง คือสามารถสอบถามและขอเข้าไปเยี่ยมชมดูการทำงานได้ ว่าสถานที่เป็นอย่างไร ดูแลกันแบบไหน บริจาคแล้วจะไปถึงส่วนใดบ้าง
-เลือกบริจาคได้ตามความต้องการ ความศรัทธา และความสบายใจ เพราะแต่ละที่ก็จะประกาศจุดประสงค์เลยว่าตั้งขึ้นมาเพื่ออะไรและช่วยเหลือใคร เช่นคนท้องที่กำลังอินกับเรื่องเด็กเป็นพิเศษ อาจจะบริจาคให้บ้านเด็กอ่อน เด็กพิการอะไรก็ว่าไป
3.สถานปฏิบัติธรรมและโรงทาน
จุดประสงค์ของสถานที่เหล่านี้คือการทำบุญร่วมกัน เปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วม ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคของ ลงแรงปรุงอาหาร หรือ ช่วยอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ เรียกว่ามีอะไรก็เอามาช่วยกันได้หมด
สำหรับคนที่อาจจะมีทุนทรัพย์ไม่มาก ก็สามารถร่วมทำบุญสมทบทุนกับเจ้าภาพคนอื่นได้
ไม่ว่าจะเป็นของชนิดไหน ปริมาณเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญเท่ากับ
“ความตั้งใจดี” ที่อยากแบ่งปันให้กับเพื่อนร่วมโลก
“สุขจากการให้ อิ่มใจกว่าการได้รับ” คำนี้มันจริงที่สุด
ให้การทำบุญครั้งนี้ เป็นโอกาสให้คุณได้อิ่มอกอิ่มใจจากการแบ่งปันกันเถอะ